วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

เข้าใจเรื่องไมเกรน

มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องทรมานกับอาการปวดหัว แค่เพียงปวดนานๆครั้งจากอาการเป็นไข้ไม่สบายก็ทรมานมากแล้ว ยิ่งคนที่เป็นโรคไมเกรน ต้องเผชิญกับอาการปวดหัวรุนแรงบ่อยๆยิ่งแล้วใหญ่ หลายคนถึงกับท้อและเป็นโรคซึมเศร้าไปกับอาการปวดหัวไมเกรนเลยทีเดียว แล้วโรคไมเกรนคืออะไร รักษายังไง เรามารู้จักโรคนี้กันเถอะ

ทำไมถึงปวดหัวไมเกรน
ความจริงแล้วสำหรับโรคไมเกรนเป็นโรคที่เรายังหาสาเหตุได้ไม่แน่ชัดถึงที่มาที่ไปของโรค ว่าทำไมถึงเกิดกับคนนี้ แต่ไม่เกิดกับอีกคน ข้อมูลที่ทางการแพทย์ตอนนี้เพียงแต่อธิบายได้ว่า อาการปวดหัวไมเกรนเป็นจากการขยายตัวของเส้นเลือดในสมอง ทำให้เกิดสมองบวมชั่วคราว จึงเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา แต่อย่างน้อยความรู้นี้ก็ทำให้สามารถใช้ยาที่มีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว มารักษาโรคนี้ แล้วได้ผลดี
migraine, ปวดหัวข้างเดียว, ปวดหัวไมเกรน, การรักษาไมเกรน, อาการไมเกรน,diary doctor is me, สิ่งที่คุณไม่รู้ แต่หมออยากให้คุณรู้


อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ คนที่เป็นไมเกรนแต่ละคน ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่า แต่ละคนมีสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว บางคนอาจเป็นช็อคโกแลต(โชคร้ายจริงๆ) บางคนอาจเป็นภาวะเครียด นอนไม่พอ ดื่มแอลกอฮอล์ การเดินทางไกล การดื่มชากาแฟ การกินยาคุมกำเนิด หรือบางคนก็จะมีอาการปวดหัวทุกครั้งที่มีประจำเดือน ปัจจัยกระตุ้นต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่คนไข้ควรจะสังเกต เพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยงได้ อย่างถ้าเป็นอาหาร หรือเครื่องดื่มก็อาจหลีกเลี่ยงได้ง่าย แต่ถ้าเป็นเหตุบางอย่างเช่น ภาวะเครียด นอนไม่พอ หรือการมีประจำเดือน บางทีก็ห้ามยากจริงๆ แต่อย่างน้อยก็จะได้รู้ตัวก่อนว่ากำลังจะมีอาการเกิดขึ้น

แล้วอาการไมเกรนเป็นยังไง
ทุกคนคุ้นเคยกับอาการปวดหัวข้างเดียว = ไมเกรน แต่ความจริงแล้วอาการปวดหัวไมเกรนเป็นได้หลายแบบ ทั้งข้างเดียว และสองข้าง (แต่ส่วนใหญ่เป็นข้างเดียว) ที่สำคัญคือมีลักษณะปวดแบบตุ๊บๆๆ และมีอาการบางอย่างนำ เช่น เห็นแสงวูบวาบ ชาตามมือตามใบหน้า และอาจมีอาการอื่นร่วม เช่น คลื่่นไส้อาเจียน ตาสู้แสงไม่ได้ และอาการมักเป็นมากจนไม่สามารถทำงานได้ ต้องนอนพักจึงจะดีขึ้น และอาการส่วนใหญ่จะเป็นนานได้อยู่ในช่วง 4-72 ชั่วโมง

อาการแบบนี้เป็นโรคอื่นได้มั๊ย
เป็นอีกคำถามที่คนกังวลกันมาก เพราะว่าปวดหัวบ่อยๆ เป็นๆหายๆ เวลาปวดก็ปวดมาก หลายคนก็เริ่มกังวล ยิ่งฟังคนอื่นพูดกันต่างๆนานายิ่งกังวล เป็นเนื้องอกรึเปล่า เลือดออกในสมองรึเปล่า ก็สงสัยกันไป ดังนั้นก็จะมาบอกไว้ตรงนี้นะคะ ว่าอาการไมเกรนจะมีปวดหัวคลื่นไส้อาเจียน เป็นๆหายๆได้ แต่ถ้ามีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยคือ ไข้ แขนขาอ่อนแรง (ขอย้ำว่าอ่อนแรงนะคะ ไม่ใช่อ่อนเพลีย คือถ้าคุณแข็งใจพยายามออกแรงคุณจะยังเดินได้ ยกของได้ปกติ แปลว่าอ่อนเพลีย แต่ถ้าพยายามจนสุดความสามารถแล้วคุณทำไม่ได้เท่าก่อนที่จะป่วย นั่นอาจหมายถึงอ่อนแรง) มองเห็นภาพซ้อนที่ไม่หายไปเวลาหายปวดหัว ซึมลง ชัก อาการเหล่านี้อาจจะต้องมาพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจอีกทีนะคะ

แล้วการรักษาทำยังไง
หลักการรักษาโรคนี้แบ่งออกเป็น 2 แบบ ควบคุ่กันคือ การควบคุมอาการ(ไม่ให้เป็นบ่อย) กับ การลดอาการ(เวลาที่ปวดหัวขึ้นมาแล้ว)

การควบคุมอาการ
ประการแรกถ้าหากว่ารู้ว่าสิ่งกระตุ้นคืออะไร และหลีกเลี่ยงได้ก็ควรพยายามหลีกเลี่ยง ส่วนการควบคุมอาการด้วยยาก็จะนิยมให้เป็นยาคลายเครียด เช่น Amitryptyline หรือยากลุ่มยากันชัก ซึ่งจะสามารถมาช่วยให้อาการปวดหัวเป็นห่างขึ้นได้

สิ่งหนึ่งที่ทุกคนชอบถาม เนื่องจากว่าการกินยาเพื่อควบคุมอาการ หรือป้องกันไม่ให้อาการเกิดนี้ต้องกันต่อเนื่อง เรียกว่าต้องกินไปทุกวัน แม้ว่าจะไม่มีอาการ ทำให้หลายคนกังวลว่าการกินยาแบบนี้จะมีผลข้างเคียงหรือไม่ คำตอบตรงๆ ง่ายๆก็คือ "มีค่ะ" อย่างยาคลายเครียดอาจทำให้ง่วงนอน ปากแห้ง บางคนตาพร่า แต่ความจริงมีอยู่ว่าในการรักษาโรคทุกโรค (ความจริงรวมไปถึงทุกๆอย่างบนโลกใบนี้) ล้วนมีทั้งด้านดี และด้านเสีย เพียงแต่ว่าถ้าชั่งน้ำหนักแล้ว ผลดีมีกว่าผลเสีย เราก็คงต้องเลือกที่จะทำ และถ้าผลเสียไม่ได้ร้ายแรงอะไร และไม่ได้รบกวนชีวตประจำวันมาก เราก็แนะนำให้รับประทานยานะคะ

การลดอาการ
ยาลดอาการมีหลายตัว หลักๆจะแนะนำให้ใช้ยาแก้ปวดแบบทั่วไปก่อน ก็คือพาราเซตมอลนั่นแหละ (บางคนบอกว่าไม่ได้กินพารา แต่กินไทลินอล ความจริงก็คือยาตัวเดียวกันนะคะ แค่เป็นชื่อยี่ห้อของเขาเท่านั้นเอง) ถ้าไม่หายค่อยกินเป็นยาอื่น ยาแก้ปวดหัวอื่นๆสำหรับโรคไมเกรนคือ Sumatriptan ยานี้มีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว และยา cafergot ก็มีผลทำให้หลอดเลือดหดตัวเหมือนกัน เพียงแต่ออกฤทธิ์คนละกลไก
นอกจากนี้การประคบอุ่น หรือประคบเย็นที่ศีรษะ ก็จะช่วยให้อาการผ่อนคลายลงด้วยค่ะ

สรุปแล้ว จะเรียกว่าโชคร้ายก็ได้ที่บางคนเป็นโรคไมเกรน แต่อย่างน้อยถ้าเรารู้จักมัน และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน เราก็สามารถใช้ชีวิตปกติสุขได้ไม่ต่างจากคนอื่นๆนะคะ ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คิดยังไง บอกหมอได้ค่ะ