วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

ฉันเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่า?

โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆ (โดยเฉพาะในละครไทย) แต่บางครั้งเราก็อาจไม่รู้ว่านี่คือโรคซึมเศร้ารึเปล่า แล้วเวลาที่เรารู้สึกเศร้ามากๆ หลายคนก็เริ่มสงสัยว่า ตัวเองจะเป็น "โรค" รึเปล่า วันนี้มีคำตอบเกี่ยวกับโรคนี้ค่ะ
โรคซึมเศร้า, diary doctor is me, สิ่งที่คุณไม่อยากรู้ แต่หมออยากให้คุณรู้

ฉันแค่เศร้า หรือเป็น"โรคซึมเศร้า"
แน่นอนเราทุกคนต้องเคยเศร้า ไม่ว่าเราจะเศร้าด้วยเหตุผลอะไร ตกงาน สอบตก เอนท์ไม่ติด แฟนบอกเลิก โจรขึ้นบ้าน ไฟไหม้บ้าน ญาติ หรือคนใกล้ชิดเสียชีวิต ฯลฯ ทั้งหมดนี้นำไปสู่ "ภาวะ" ซึมเศร้าได้ทั้งนั้น แต่ถ้าจะเป็นถึงขนาด "โรค" ได้นั้น มีเส้นแบ่งอยู่ คือ "การใช้ชีวิต" และ "ระยะเวลา"

สำหรับเรื่องการใช้ชีวิต ภาวะซึมเศร้าโดยทั่วๆไปนั้น เราจะยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ (ไม่นับรวมถึงการหยุดงานเพื่อไปเฝ้าไข้ญาติพี่น้อง หรือลาไปเขตเืพื่อเซ็นใบหย่านะคะ) เรายังกินได้ นอนหลับ ไปทำงานได้ อันนี้ถือว่าเป็นภาวะซึมเศร้าทั่วๆไป ไม่ถึงกับเป็นโรค

ส่วนเรื่องระยะเวลา เวลาที่่เราพึ่งช็อคจากเหตุการณ์บางอย่าง อาจจะมีอยู่บ้างที่เรากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไปทำงานไม่ได้ หมดเรี่ยวหมดแรง หมดกำลังใจทำงาน อาการแบบนี้เกิดขึ้นได้ในคนปกติ แต่จะเป็นแค่ช่วงแรกๆ ระยะเวลาโดยทั่วไปไม่เกิน 2 สัปดาห์ ภาวะซึมเศร้านี้จะดีขึ้น และพอจะกลับไปดำเนินชีวิตปกติได้ แต่ถ้าเรายังคงซึมไม่เป็นอันกินอันนอนเข้าไปเป็นหลายสัปดาห์ จนถึงเป็นเดือน อันนี้ก็ถือว่าเป็น "โรคซึมเศร้า" แล้วค่ะ

อาการของโรคซึมเศร้า
การซึมเศร้าของแต่ละคนก็จะมีการแสดงออกต่างกันไป อาการหลักๆคืออาการซึม หมดอาลัยตายอยาก รู้สึกว่าตัวเองว่างเปล่า นอกจากนี้ก็จะมีอาการอื่นๆอีกได้แก่

พฤติกรรม หรือความคิดที่เปลี่ยนไป เช่น รู้สึกหมดหวังในชีวิต รู้สึกว่าโลกนี้เลวร้าย มีแต่สิ่งไม่ดีรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่มีความสามารถ ทำอะไรก็ไม่ดี รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต จุดสังเกตคือ แม้แต่อะไรที่เคยชอบทำก็ยังไม่อยากทำ เช่นบางคนเคยชอบเล่นกีฬามาก แต่ตอนนี้แม้จะมาชวน หรือขอร้องให้ไปก็ยังไม่อยากไป ทำอะไรเชื่องช้า เหมือนไม่มีแรง อยากอยู่เฉยๆอย่างเดียวตลอด ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้ คิดหรือตัดสินใจอะไรก็เชื่องช้า คิดไม่ออกไปหมด

การทำกิจวัตรประจำวันไม่ค่อยปกติ ได้แก่ นอนไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือ นอนตลอดเวลา กินอาหารได้น้อยลง ไม่กินข้าว หรืออาจจะกินมาก กินตลอดเวลาจนน้ำหนักขึ้นมาก (อย่างเช่นนางเอกที่นั่งกินไอติมหลังอกหักในหนัง)

นอกจากนี้ อันที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ความคิดที่จะ "ฆ่าตัวตาย" อาการนี้พบได้มากในคนไข้โรคซึมเศร้า และถือเป็นภาวะฉุกเฉินสำหรับโรคนี้ที่เดียว (อาจไม่ถึงกับต้องเข้า ICU แต่เกี่ยวกับความเป็นความตายเหมือนกัน)

การรักษา
เป็นการรักษาที่เรียกว่า "จิตบำบัด" เป็นการรักษาโดยจิตแพทย์ และนักจิตวิทยา ลักษณะคล้ายๆกิจกรรมที่เราเคยเห็นในหนังฝรั่ง การพูดคุย ตอบคำถาม การทำกิจกรรมกลุ่ม ทั้งนี้ก็ร่วมกับการรับประทานยาแก้เครียดด้วย

การรักษาด้วยการ "ช็อตไฟฟ้า" แบบที่เคยเห็นในหนังโรคจิตทั้งหลาย มีอยู่จริงค่ะ แต่เราจะใช้กับโรคทางจิตที่รุนแรงเท่านั้นค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คิดยังไง บอกหมอได้ค่ะ