วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

กินหวานตลอด กลัวเป็นเบาหวาน

ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อโรค"เบาหวาน"กันมาก่อนอย่างแน่นอน ส่วนจะรู้ว่าโรคเบาหวานเป็นยังไงก็คงแล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน แตกต่างกันไป ความจริง เบา=ปัสสาวะ เบาหวานก็คือ ปัสสาวะหวาน??? 555 หลายคนคงร้องยี้ ต่อให้เอาไอโฟนมาแลกก็คงไม่ยอมชิม วันนี้จะมาเล่าเรื่องโรคปัสสาวะหวาน หรือ เบาหวานให้ฟังกันค่ะ

คำถามนำทุกครั้ง โรคเบาหวานเป็นยังไง??
โรคเบาหวานคือการที่ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ปกติแล้ว น้ำตาลในเลือดของเราควบคุมด้วยฮอร์โมนในร่างกาย ด้วยสาเหตุบางอย่างเมื่อเราอายุมากขึ้น อาหารการกิน และด้วยปัจจัยอีกมากมาย มีผลทำให้ฮอร์โมนเหล่านี้ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เหมือนเดิม

สาเหตุว่าทำไมถึงเกิดสิ่งเหล่านี้มีปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรรมพันธุ์ ถ้าเรามีญาติสายตรง(เบ่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย พี่น้องท้องเดียวกัน) เป็นเบาหวาน เราก็มีโอกาสจะเป็นสูง นอกจากนี้ก็เกี่ยยข้องกับอาหารที่กิน และการออกกำลังกายด้วย
เบาหวาน,กินหวาน, diary doctor is me, สิ่งที่คุณไม่รู้ แต่หมออยากให้คุณรู้

น้ำตาลในเลือดสูง แล้วยังไงเหรอ
การที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติตลอดเวลา จะมีผลทำให้การทำงานของหลอดเลือดเล็กๆเสียไป นำไปสู่โรคไต ปลายประสาทเสื่อม และจอประสาทตาเสีย

อย่างโรคไต การที่มีน้ำตาลในเลือดสูงตลอดจะทำให้การทำงานของไตลดลงเรื่อยๆ มีโปรตีนรั่วออกมาทางปัสสาวะ คนไข้จะไม่รู้ตัวเลยถ้าไม่ได้รับการตรวจปัสสาวะจนกระทั่งเริ่มมีอาการขาบวม เพราะไตขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ไตวายซะแล้ว (ขู่ซะน่ากลัวมาก แต่เรื่องจริงไม่อิงนิยายนะคะ)

โรคปลายประสาทเสื่อม บางคนอาจจะเคยได้ยินมาว่าเป็นเบาหวานแล้วทำให้แผลหายช้า ความจริงนอกจากจะหายช้าแล้วยังเป็นแผลง่าย เพราะปลายประสาทโดยเฉพาะที่เท้าถูกทำลาย จะชาตามปลายเท้า เมื่อรับรู้ความเจ็บปวดน้อยกว่าปกติก็จะเป็นแผลง่าย เพราะไปเหยียบอะไรก็ไม่ค่อยรู้ตัวนั่นเอง

ปัญหาต่อมาคือโรคตา เบาหวานทำให้เกิดเส้นเลือดผิดปกติที่จอรับภาพของตา ซึ่งถ้าเป็นมากๆก็จะบดบังจอรับภาพ(เหมือนไม้เลื้อยบนกำแพงหน่ะค่ะ เวลาไม่มีใครดูแล คอยตัดมันออก มันก็จะลุกลามปิดทั้งกำแพง จนไม่เห็นกำแพงเลย) สุดท้ายสามารถตาบอดได้ทีเดียว

ทั้งหมดที่เล่ามาเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่เป็นไปอย่างช้าๆ เราก็ไม่ค่อยรู้เนื้อรู้ตัวซักเท่าไหร่นัก แต่โรคเบาหานร่วมกับโรคอื่นๆอย่าง ไขมันสูง ความดันสูง จะทำให้เรามีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันมากขึ้น นำไปสู่ภาวะหัวใจวาย และหยุดเต้นได้เลยทีเดียว

สรุปแล้ว ขู่ไว้เยอะมาก โรคเบาหวานถ้าเป็นควรรีบรักษานะคะ ปัญหาคือ การรักษารวมไปถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบองคนไข้ด้วย การวดกินอาหารรสหวาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานยาอย่างเคร่งครัด ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของคนไข้ และญาติผู้ดูแลคนไข้ด้วย

แล้วเมื่อไหร่ถึงต้องไปตรวจ
คนทั่วๆไปควรตรวจค่าน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง เมื่อมีอายุเข้า 45 ปีขึ้นไป และถ้าปกติ ก็ควรตรวจเป็นประจำอย่างน้อยทุก 3 ปี แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ สงสัยว่าจะเป็นเบาหวาน อาการได้แก่ น้ำหนักลดโดยที่ยังกินเท่าๆเดิม(ลดประมาณ 10% ของน้ำหนักเดิม ในเวลาประมาณ 3 เดือนนะคะ ถ้าแค่ 1-2 กิโลไม่นับ และถ้าตั้งใจลด ก็ไม่นับค่ะ) หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อยๆ และมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ควรไปตรวจค่ะ และถ้ามีญาติสายตรงในครอบครัวเป็นเบาหวานก็อาจจะต้องไปตรวจเร็วหน่อย หรือมีโรคประจำตัวเช่น ไขมันในโลหิตสูง ความดันสูง เคยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด หรือเคยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน ก็ควรตรวจเป็นประจำค่ะ

ถ้าเป็นแล้วต้องทำยังไง?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เมื่อเป็นโรคเบาหวานแล้วเราก็คงต้องรักษากันไปตลอดชีวิตนะคะ ไม่มีทางจะหายขาดได้เลย การรักษาก็เริ่มจากการปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันก่อนเลยค่ะ ลดของหวาน ผลไม้ที่มีรสหวานจัด อย่างมะม่วงสุก เงาะ องุ่น ทุเรียน มะขามหวาน ฯลฯ ออกกำลังกายให้มากขึ้น อ่านคำแนะนำการออกกำลังกายได้ที่ "ออกกำลังกายแค่ไหนถึงจะพอ" การปรับการใช้ชีวิตประจำวันสามารถลดปริมาณการใช้ยาได้ เช่นถ้าไม่ออกกำลังกายอาจจะต้องควบคุมด้วยยาฉีด แต่ถ้าได้ออกกำลังกายอาจจะเหลือแต่ยากิน เป็นต้น หรือถ้าเป็นน้อย แค่การปรับการกินอาหารและการออกกำลังกายก็อาจจะไม่ต้องใช้ยาเลยก็ได้ ส่วนเรื่องยานั้น ถ้าลองปรับการใช้ชีวิตปรัจำวันแล้วไม่ดีขึ้น ก็คงต้องเริ่มใช้ยา จากยากินก่อน หลังจากนั้นหมอจะนัดมาตรวจน้ำตาลในเลือดเรื่อยๆ เพื่อปรับยา ถ้ายากิน กินเยอะมากแล้วยังคุมไม่ได้ ก็อาจต้องคุมด้วยยาฉีด ซึ่งต้องฉีดทุกวันที่หน้าท้อง ( ทรมานน่าดู)

ทั้งหมดนี้อยากให้ทุกคนรู้จักโรคเบาหวานมากขึ้น เพื่อให้สามารถปฏิบัติตัวได้ถูก และเพื่อสุขภาพที่ีดีของทุกคนค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คิดยังไง บอกหมอได้ค่ะ