วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เขาป่วยเป็นอะไร ก็บอกเขาไปเถอะ

ไม่นานมานี้ได้ดูซีรี่ส์ไต้หวัน ซึ่งจำชื่อเรื่องไม่ได้ แต่ในเรื่องมีผู้ชายคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ ทำให้ขาข้างหนึ่งของเขาเดินไม่ได้อีกต่อไป จังหวะแรกที่เขาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล ลองคิดดูเล่นๆถ้าคุณเป็นแฟนของเขาที่เฝ้าดูแลเขามาตลอดจนฟื้น คุณจะกล้าบอกเขามั๊ยว่าเขาได้เสียขาไปแล้วข้างหนึ่ง??? หรือลองถามตัวเองดู ถ้าเกิดว่าคุณพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลไปตรวจ แล้วหมอเกิดบอกคุณว่าคุณแม่เป็นโรงมะเร็งระยะสุดท้าย คุณจะกล้าบอกคุณแม่มั๊ย ว่าคุณแม่เป็นอะไร?

เหตุการณ์เกิดขึ้นบ่อยในโรงพยาบาล หลายครั้งที่เราไม่กล้าบอกคนที่เรารักว่าเขาเป็นอะไร เพราะเรากลัว กลัวว่าเขาจะรับไม่ได้ กลัวว่าเขาจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย และมากที่สุดคือกลัวเขาจะเสียใจ และซึมเศร้าตลอดไป 

ใครกันแน่ควรเป็นคนแรก"ที่รู้"??
คำถามเกิดขึ้นมากมายสำหรับเหตุการณ์นี้ ความจริงต้องเริ่มจากว่า ความจริงแล้ว คนแรกที่หมอควรบอกว่าเขาเป็นอะไร ควรจะเป็นใครกันแน่ ญาติ? หรือตัวผู้ป่วย? ในต่างประเทศเราถือว่าการวินิจฉัย และประวัติการตรวจโรคทั้งหมดเป็นสิทธิของผู้ป่วย ผู้ป่วยเท่านั้นที่จะเป็นคนเลือกว่าจะให้หมอบอกใคร แต่ในบางกรณีอย่างที่ผู้ป่วยไม่มีสติ เราก็คงต้องบอกญาติใกล้ชิดก่อน แต่ในเมืองไทยคนที่รู้ก่อนส่วนใหญ่ กลับเป็นญาติใกล้ชิด อย่างลูก พี่น้อง หรือพ่อแม่ของคนไข้
บอกความจริงกับผู้ป่วย, บอกข่าวร้าย, อยู่แบบหมอๆ, diary doctor is me, สิ่งที่คุณไม่รู้ ดต่หมออยากให้คุณรู้

เรากลัวอะไร??
เหล่าหมอทั้งหลาย ความจริงก็เข้าใจดีอยู่นะคะสำหรับสถานการณ์ของญาติผู้ป่วยในการบอกข่าวร้ายกับผู้ป่วย ขนาดหมอเองเป็นคนนอก จะบอกใครซักคนว่า "คุณเป็นเอดส์" หรือ "คุณเป็นมะเร็ง" ยังลำบากใจ ถ้ายิ่งคนที่เรากำลังจะบอกเป็นคนที่เรารัก เป็นคนที่เราดูแลเขามาตลอด เราไม่อยากให้เขาเสียใจ เราก็คงไม่อยากบอก อยากให้เขาไม่รู้ อยากให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองยังเหมือนเดิมอยู่ตลอด กลัวปฏิิกิริยาของเขา อย่างเป็นพ่อแม่เราเอง เราก็คงไม่อยากเห็นท่านร้องห่มร้องไห้ ตัดพ้อว่าทำไมต้องเกิดโรคนี้กับตัวเอง หรือแม้แต่บอกว่า "ตาย"ไปยังดีกว่าเป็นโรคนี้ ยิ่งบางท่านถึงกับอยากตายด้วยเหตุผลว่า "ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน" แค่คิดก็ไม่อยากบอกแล้ว จริงมั๊ยคะ

แต่สิ่งที่อยากบอกคือ โลกใบนี้มีความงามอยู่เสมอถ้าเรามองเห็น และฟ้าหลังฝนก็เกิดขึ้นเสมอ ไม่มีฝนไหนที่ตกแล้วไม่หยุด แม้โรคบางโรคจะไม่หาย แต่ความสุขก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ

สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นจากการเป็นโรคร้าย
ถ้าคุณเคยเจอมาบ้าง คุณจะรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่โรคร้ายเปลี่ยนชีวิตของพวกเขา คนไข้เบาหวานบางคน เริ่มออกกำลังกายหลังจากเป็นโรค ทำให้เขาสุขภาพดีขึ้น น้ำหนักลด และมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าเก่า แม้ยังต้องกินยาเบาหวานไปตลอดชีวิต แต่เขาก็คุมน้ำตาลได้ดี และมีชีิวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยมะเร็งที่กล้าไปเที่ยวรอบโลก เพราะการเป็นโรคมะเร็งทำให้เขารู้ว่าทุกเวลาที่มีลมหายใจมีค่าแค่ไหน 

ความจริงแล้วเราอาจจะโชคร้ายที่เจอพายุ แต่เราก็จะโชคดีที่ได้เห็นรุ้งสวยงามหลังจากพายุได้ผ่านไป ทุกคนที่พบโรคร้ายย่อมมีช่วงเวลาที่เลวร้ายของความเศร้า กว่าจะทำใจได้ แต่เมื่อเขาเข้า่ใจมันเขาก็ยิ้มได้อีกครั้ง ดังนั้นอย่ากลัวถ้าโชคชะตาจะทำให้คนที่เรารักต้องเจอกับพายุโหมกระหน่ำ แต่มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องยืนหยัดเคียงข้างเขาในวันที่เจอพายุ ให้กำลังใจเขาจนกว่าจะถึงวันที่ได้เห็นรุ้งงามอีกครั้งหนึ่ง

ร่ายมายาวมาก วันนี้เป็นภาษาราวกับนิยายเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่หมออยากบอกทุกๆคนที่มีคนที่เรารักกำลังป่วย อย่าคิดที่จะปิดบังความจริงกับคนไข้เลย ลองคิดว่าถ้าเป็นเรา เราจะไม่อยากรู้หรือว่าเราเป็นอะไรกันแน่ คุณคิดว่าถ้าคุณตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง คุณจะทำยังไงต่อไป คนที่คุณรักก็คงคิดไม่ต่างกัน การทำใจอาจต้องใช้เวลา แต่การที่ทุกๆคนพากันปิดบังว่าเราเป็นอะไร ทำให้รู้สึกอึดอัดมากกว่า

มันเป็นหน้าที่ของเราที่แข็งแรงดีที่จะทำให้คนไข้มีความสุข ถ้าเราหลงอยู่ในป่า เราก็ไม่ควรปิดตาเขาแล้วหลงทางอยู่ในป่าต่อไป แต่เราควรเปิดตาเขาแล้วหาทางออกไปด้วยกันนะคะ

ขอให้ทุกคนเจอฟ้าหลังฝนเร็วๆค่ะ  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คิดยังไง บอกหมอได้ค่ะ