วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

เรื่องสิวๆ เขารักษากันยังไง

สิวเป็นปัญหาผิวหน้าที่พบได้บ่อยที่สุด คนส่วนใหญ่เคยมีสิว และสิวสามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ การแก้ปัญหาของแต่ละครก็แตกต่างกันไป บางคนซื้อเครื่องสำอางค์มาลองใช้ ที่ดขาโฆษณากันว่ารักษาสิว บางคนก็ใช้ยาสามัญประจำบ้านอย่างผงวิเศษ ผลิตภัณฑ์สารพัดนึกอย่างบัวหิมะ บางคนไปซื้อยาตามร้ายขายยา และบางคนก็ตัดสินใจไปหาหมอ ไม่ว่าจะเป็นคลินิกผิวหนัง ที่ตอนนี้ไม่ได้ดูแลแต่ผิวหนัง (แต่รวมถึง Botox, filler, ร้อยไหม จนถึงเสริมจมูกเลยทีเดียว) หรือจะเป็นโรงพยาบาลเลยก็ตาม วันนี้จะมาบอกเล่าเก้าสิบ เกี่ยวกับการรักษาสิวตามคลินิกความงามนี่แหละ ว่าเค้าทำอะไรกันบ้าง แล้วที่ว่าเลี้ยงไข้เนี๊ย มีจริงหรือไม่
สิว,รักษาสิว, ยารักษาสิว, หมอสิว, รักษาสิวยังไง, Diary Doctor is me, สิ่งที่คุณไม่รู้ แต่หมออยากให้คุณรู้

สิวเกิดจากอะไร
ปูพื้นฐานกันก่อน สิวคือการอักเสบของต่อมไขมันที่รูขุมขน
การอักเสบ=บวมแดง ซึ่งมักจะเกิดจากการติดเชื้อ
รูขุมขนก็คือรูๆเล็กบนผิวหนังเรา บางคนกว้าง บางคนเล็กจนแทบไม่เห็น อันนี้ก็แล้วแต่กรรมพันธุ์ ร่วมกับการดูแลผิวหน้าของเราเองนะคะ รูขุมขนนึกถึงท่อระบายน้ำอันใหญ่ของหมู่บ้าน แล้วมีต่อมไขมันมาเปิดออกตามรูขุมขน เหมือนท่อเล็กจากบ้านต่างๆ ที่ระบายน้ำออกสู่ท่อระบายใหญ่อันเดียวกัน การอักเสบมักจะเริ่มจากมีการอุดตันของรูขุมขน นึกถึงเวลาท่อระบายอันใหญ่อุดตัน ของเสียก็ระบายออกไปได้ ขังอยู่ในท่อ และยังเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ นานเข้าก็เริ่มส่งกลิ่มเหม็นเน่า

เหมือนกันพอรูขุมขนอุดตัน ไขมันที่ต่อมไขมันสร้างก็พากันอุดตันสะสม กลายเป็นสิวอุดตันก่อน คือสิวเม็ดเล็กๆที่ยังไม่เจ็บ ไม่บวม แต่จับแล้วเหมือนผิวเราไม่เรียบ วันดีคืนดี มีเจ้าแบคทีเรียมาเยี่ยมเยียน สิวอุดตันก็กลายเป็นสิวอักเสบขึ้นมา บวมแดวเป่ง ใหญ่บ้างเล็กบ้าง แล้วแต่ดีกรีของเสียที่สะสมไว้ สรุปว่าสิวบนหน้าเรา แบ่งใหญ่ๆออกเป็น 2 แบบ คือ สิวอักเสบ กับ สิวอุดตันนะคะ

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวจึงมาได้มากมาย ตั้งแต่ฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างน้ำมันบนหน้ามากขึ้น(จนทอดไข่ได้) การทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอ นอนดึก เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทำให้เกิดการอุดตัน หรือแม้แต่การจับหน้าบ่อยๆ ล้างหน้าบ่อยๆก็กระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบได้ ส่วนความเชื่อบางอย่างเช่น กินช็อกโกแลตแล้วสิวขึ้น กินอาหารมันๆแล้วสิวขึ้น อันนี้ความจริงแล้วก็ยังไม่ได้มีการศึกษาใดที่พิสูจน์ได้ชัดเจน เอาเป็นว่าใครทดลองกับตัวเองแล้วคิดว่าเป็นจริง ก็หลีกเลี่ยงกันไปนะคะ

หลักการรักษาสิว ก็ง่ายนิดเดียวค่ะ
1.กำจัดสิวเก่า
2.ป้องกันสิวใหม่

กำจัดสิวเก่า
-ยาทา ก็จะแบ่งเป็น

"รักษาสิวอักเสบ" ก็คือ

ยาฆ่าเชื้อนั่นเอง ตัวยาหลักๆก็จะมี Erythromycin หรือ Clindamycin รูปแบบก็แล้วแต่คลินิกจะเลือกมาใช้ มีทั้งเป็นน้ำ เป็นเจล ผลการรักษาก็ไม่ต่างกันมากค่ะ ต่อมาก็จะเป็น

"รักษาสิวอุดตัน" อันนี้ก็จะเป็นยาที่เรียกกันว่า ยาละลายหัวสิว ที่นิยมใช้กันมากคือ

Penoxyl peroxide ซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อมันละลายหัวสิวยังไงกัน ความจริงแล้วมันช่วยสลายเซลล์ที่ตายแล้วออก และมีของแถมเป็นฤษธิ์ฆ่าเชื้อร่วมด้วย แต่นึกถึงยาที่ "ละลาย" เซลล์ได้ ความจริงสารเคมีพวกนี้ไม่รู้หรอกว่าเซลล์ไหนยังมีลมหายใจอยู่ ดังนั้นถ้าใช้เยอะไปมันก็อาจจะทำร้ายผิวดีๆของเราได้ สัญญาณก็คือ ผิวจะแดง ระคายเคือง บางคนจะแสบ เราจึงแนะนำให้ใช้ก่อนล้างหน้า ทิ้งไว้ ซักพัก แล้วค่อยล้างออก คำว่าซักพักนี้ก็แล้วแต่คน ส่วนใหญ่ 15-20 นาที ถ้าทิ้งนานกว่านั้ยแล้วไม่ระคายเคืองก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าระคายเคืองก่อนก็อาจจะต้องลดเวลาลง ยาตัวนี้หาซื้อได้ตามร้านขายยา แต่บอกตัวยาไปบางร้านจะงง ต้องบอกชื่อยี่ห้อ เช่น Panoxyl, Benzac, Brevoxyl ฯลฯ ความเข้มข้นก็มีตั้งแต่ 2.5%, 5% ,10% แนะนำให้ลองน้อยๆก่อน ถ้าไม่ระคายเคืองค่อยเพิ่มค่ะ

Retinoid หมอบางคนจะอธิบายว่าเป็นกรดวิตามิน A (อันนี้ไม่ได้เอาไว้กินนะคะ เอาไว้ทาภายนอกเท่านั้นค่ะ) ชื่อ Retinoid เป็นกลุ่มของสาร ซึ่งบริษัทยาแต่ละที่ก็จะใช้สารที่มีชื่อต่างกันไป เช่น Tretinoin(Retin A), Isotretinoin, Adapalene(Differin) ยาเหล่านี้เข้าไปปรับเซลล์ผิว ทำให้สิวอุดตันลดลง มีของแถมคือ ช่วยลดริ้วรอยได้ด้วย ข้อเสียของยานี้คือเมื่อถูกแสง ไม่ว่าจะเป็นแดด หรือแสงจากหลอดไฟ มักทำให้ระคายเคือง เราก็จะแนะนำให้คนไข้ทาก่อนนอน แต่ Adapalene เขาโฆษณาว่ายาของเขา ไม่ทำปฏิกิริยากับแสง ก็เลยแพงกว่าตัวอื่น แต่ก็ยังมีบางคนที่แสบเวลาถูกแดดอยู่ ก็เลยแนะนำให้ใช้เฉพาะก่อนนอนเหมือนเดิมค่ะ

วันนี้ข้อมูลทางการแพทย์เยอะแยะ อ่านแล้วอาจจะมึนหัว อย่าพึ่งเครียดจนสิวขึ้นหนักกว่าเดิมนะคะ ยาทั้งหมดที่เล่ามา ลองหาซื้อมาทาเองก่อนก็ได้ สอบถามจากเภสัชกรตามร้านขายยาเพื่อคำแนะนำเพิ่มเติมได้ค่ะ ส่วนยาตามคลินิกที่ไม่ได้เขียนตัวยา แปะแต่ป้ายคลินิกบนหลอด ก็หนีไม่ค่อยพ้นยาที่เล่ามานี่หรอกค่ะ แต่ส่วนใหญ่ราคาจะแพงกว่า (ถือว่าเป็นค่าขนมให้หมอแล้วกันนะคะ คลินิกส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยคิดค่าหมอหรอกค่ะ)

วันนี้ขอจบลงตรงเรื่องยาทาก่อน ส่วนหัวข้ออื่นๆอันได้แก่ ยากิน การกดสิว ฉีดสิว ฉายแสง  และการป้องกันสิว ไว้มาติดตามกันตอนต่อไปนะคะ (หลอกล่อให้เข้ามาอ่านกันบ่อยๆ อิๆ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คิดยังไง บอกหมอได้ค่ะ