วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

เรื่องสิวๆ เขารักษากันยังไง (2)

ย้อนหลังไปประมาณ 20 ปีก่อน การไปหาหมอเพื่อรักษาสิวนั้น ถ้าไม่ใช่สิวที่เยอะมากจนหน้าไม่มีที่ว่าง ก็ถือเป็นเรื่องค่อนข้างจะเว่อร์ไปซักเล็กน้อย แต่ในปัจจุบันการไปพบแพทย์เพื่อรักษาสิว เพื่อรักษาให้หน้าใสนั้น เป็นเรื่องที่ใครๆเขาก็ทำกันไปแล้ว เหมือนโทรศัพท์มือถือที่เคยเป็นเครื่องประดับสำหรับคนรวยเท่านั้น แต่ตอนนี้แม้แต่ขอทานยังมีโทรศัพท์เลย วันนี้เราจะมาเล่ากันต่อว่า ที่เขาไปรักษาสิวที่คลินิกกันเนี๊ย เขาทำอะไรกันบ้างจากความเดิมตอนที่แล้ว (เรื่องสิวๆ เขารักษากันยังไง) เราได้พูดถึงยารักษาสิวที่ทาภายนอกไปแล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงยากิน!!!

หลายคนสงสัยว่า แค่เป็นสิวนะ ต้องกินยาเลยหรือ คำตอบก็คือ การกินยาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้สิวหายเร็ว และป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ดี แต่เรามักจะใช้กับคนที่เป็นสิวเยอะๆ ถ้าเป็นนิดๆหน่อยๆ ก็คงไม่ถึงขนาดจำเป็นต้องกินยาเท่าไหร่นัก

ยากิน
ที่นิยมกินกัน ก็มีหลักๆ 2 อย่างคือ
1. ยาฆ่าเชื้อ ก็อย่างที่เคยเล่าไป สิวอักเสบเกิดจากการติดเชื้อ ขอย้ำว่าอักเสบ ดังนั้นถ้าไม่ได้มีสิวเม็ดโตๆ แดงๆ เจ็บๆ เยอะๆ ก็คงไม่จำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อเท่าไหร่ ทายาไปก่อนก็ได้นะคะ หรือบางคนมีสิวเม็ดเดียวเนี๊ยแหละ แต่ว่ามันโตเหลือเกิน ระบมไปหมด จะกินยาเราก็ไม่ว่ากัน ยาที่ให้ก็มักเป็นยาคุ้นเคยอย่าง Amoxicilln (เป็นยาแก้เจ็บคอสำหรับบางคนไปแล้ว บางคนเรียกยาแก้อักเสบ ความจริงแล้วมันเป็นยา"ฆ่าเชื้อ" นะคะ ฆ่าเชื้อสำหรับสิวก็ได้เด้อ) หรือ Doxycycline หรือ บางคนอาจจะได้ Bactrim มา ถามว่าต่างกันยังไง เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว มีหลายชนิดค่ะ ยาฆ่าเชื้อเหล่านี้ครอบคลุมเชื้อต่างกันไป แต่ยาทั้ง 3 ตัวนี้สามารถครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ทำให้เกิดสิวทั่วๆไปได้ทั้ง 3 ตัว ส่วนจะกินตัวไหนดีนั้น ถ้าไม่เคยแพ้ยาอะไรก็สามารถกินอันไหนก็ได้ (ความจริงรายละเอียดปลีกย่อยก็มีอยู่บางกรณี แต่ขอเล่ารวมๆละกันนะคะ ไม่อย่างงั้นอาจจะกลายเป็น Lecture นักศึกษาแพทย์ไปได้)
สิว, รักษาสิว, กดสิว,บีบสิว, ฉีดสิว, diary doctor is me, สวยด้วยหมอ


2.ยากลุ่มกรดวิตามิน A หรือ Retinoid เจ้าเก่า เหมือนยาทานั่นแหละค่ะ แต่เมื่อกลายเป็นยากิน ยากลุ่มนี้มีฤทธิ์ทำให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง ผลก็คือหน้าจะมันน้อยลง สิวอุดตันก็จะน้อยลง และสิวอักเสบก็จะน้อยลงตามไปด้วย ยากลุ่มนี้เดินไปร้านขายยาก็จะมีหลายยี่ห้อ เช่น Roocutane, Acnotin ชื่อตัวยาคือ Isotretinoin ผลข้างเคียงของยาตัวนี้ที่เป็นเกือบทุกคนคือ ปากแห้ง (ก็แหงหล่ะ ขนาดหน้ามันๆยังเนียนได้ทั้งวัน ปากก็ต้องแห้งเป็นธรรมดา) มีบางคนที่อาจมีอาการท้องเสีย ปวดท้องร่วมด้วย สิ่งทีต้องระวังสุดคือ ยาตัวนี้มีผลกับเด็กในครรภ์ คือทำให้เกิดการพิการได้จนถึงเสียชีวิต ในต่างประเทศ แพทย์จะสั่งยานี้ได้ต่อเมื่อคนไข้ได้รับการตรวจปัสสาวะแล้วว่าไม่ได้ตั้งครรภ์(สำหรับผู้หญิงก็พอนะจ๊ะ)  และระหว่างที่กินยาอยู่ ต้องกินยาคุมกำเนิดด้วย นอกจากนี้ยาอาจทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ แต่ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับปริมาณ ปกติเราให้กินไม่เกิน 1 mg/kg/day ซึ่งที่คนไทยกินๆกัน กันวันละเม็ด สองเม็ดก็ไม่เคยเกินอยู่แล้ว แต่ถ้ากินไปกินมาแล้วตัวเหลืองตาเหลือง ปวดชายโครงต้องรีบไปพบแพทย์นะจ๊ะ แต่ถ้าใครไม่สบายใจจะไปขอตรวจเลือดที่โรงพยาบาลก็ดีนะคะ จะได้นอน(ตาย)ตาหลับ^^
สิว, รักษาสิว, กดสิว,บีบสิว, ฉีดสิว, diary doctor is me, สวยด้วยหมอ


ฉีดสิว
โอ๊ย อยากสวยหน้าเนียนใส ก็ต้องทนเจ็บจริงๆ ว่าด้วยเรื่องการฉีดสิว ใหม่ๆถ้ายังไม่เคยฉีด เวลาเป็นสิวเม็ดโตๆขึ้นมาที กลุ้มใจ กว่าจะหายอีกเป็นอาทิตย์ๆ นั่งเฝ้ารอดูจากเล็กๆ เริ่มใหญ่ เริ่มสุก แตก เป็นรอยแดง เป็นรอยดำ ค่อยๆจาง จาง จางจาง กว่าจะเรียบเหมือนเดิม ใจจะขาด พอได้เริ่มฉีดสิวครั้งแรก เจ็บก็เจ็บ แต่ "ยุบ!!!" เลย ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ยิ่งถ้าฉีดเร็วตอนที่ยังแค่เจ็บๆ "หาย!!" เลย เลิศสุดๆจริงๆ ว่ากันด้วยเรื่องสรรพคุณการฉีดสิวไปแล้ว แล้วที่ฉีดไปหน่ะ อะไร??? ตอบเลย Steroid (สเตียรอยด์) บางคนก็ยังงง Steroid คืออะไรหล่ะ เป็นยากดภูมิคุ้มกันอย่างหนึ่ง ว่าง่ายๆคือลดการอักเสบ(อักเสบ = บวม แดงร้อน) พอฉีดปุ๊บ สิวที่กำลังจะอักเสบก็ถูกยับยั้งทันที ยุบเลย แล้วเราก็ทายาฆ่าเชื้อเอา เชื้อโรคก็ตายหมด สิวก็ไม่โต ดีจะตาย แล้วมีข้อเสียไหม ก็มี ได้แก่ เจ็บตัว เสียตังค์ (อันนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว) และที่คนกลัวคือ ถ้าได้รับในปริมาณที่เยอะไป ตรงนั้นอาจบุ๋มลงไปกว่าเนื้อข้างๆ หรือบางคนก็บอกว่าเป็นหลุมสิว ฟังดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่หลุมสิว แต่เป็นผลจากการที่ชั้นไขมันใต้ผิวหนังตรงที่ได้ยานั้นฝ่อ ก็เลยเห็นผิวหนังยุบลงไป โดยทั่วไปมันจะกลับมาเท่าเดิมได้ค่ะ แต่อาจใช้เวลาหน่อยเป็นเดือน อันนี้ก็แล้วแต่คนว่าอยากจะฉีดไหม ถ้าฉีดโดยผู้ชำนาญส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ ลองดูจะติดใจ

กดสิว
อันนี้ก็เจ็บตัวอีกเหมือนกัน แต่เชื่อว่าหลายคนคงเคยกดสิวตัวเอง หรือบีบสิวตัวเองอยู่ ก็เห็นมีหัวหนองขาว หรือเห็นหัวดำๆกดออกมาก็หายแล้ว จริงค่ะ กดออกมาก็หายแล้ว แต่มีข้อแม้นะคะ
-ห้ามกดสิวที่อักเสบ กดได้แต่สิวอุุดตันที่ยังไม่มีการบวมแดงเท่านั้น
-ต้องกดน้อยครั้ง(ต่อเม็ด)
-ถ้าจะกดแล้วต้องออกหมด
ทำไม? เพราะว่าถ้าสิวอักเสบอยู่ ถูกบีบถูกกด ก็มีแต่จะยิ่งบวมขึ้นแดงขึ้น ไม่หายหรอกค่ะ แล้วที่ให้กดน้อยครั้ง เพราะโอกาสกลายเป็นรอยดำจะน้อยลง ถ้ากดน้อยครั้งจะทิ้งรอยแดงแค่ 4-5 วัน แต่ถ้ากดๆ เค้นๆละก็ เป็นรอยดำอีกเป็นเดือนเลยทีเดียวนะคะ และต้องกดออกให้หมด เพราะถ้าไม่หมด หัวที่เหลืออยู่ รวมกับการรบกวนมันด้วยการกดบีบ พรุ่งนี้กลายเป็นสิวอักเสบแน่นอน รับประกันค่ะ แนะนำว่าถ้าอยากกด ทายาละลายหัวสิวซัก 4-5 วันเป็นอย่างน้อย แล้วไปให้คลินิกผิวหนังกดออกให้จะดีกว่านะคะ
สิว, รักษาสิว, กดสิว,บีบสิว, ฉีดสิว, diary doctor is me, สวยด้วยหมอ


แต่เอาจริงๆแล้วแพทย์ผิวหนังหลายท่านก็เห็นด้วยกับการกดสิวสักเท่าไหร่ เนื่องจากเมื่อกดแล้วมักจะทิ้งรอยแดงไว้ และเชื่อว่าเป็นการทำร้ายผิว มีโอกาสทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่ายขึ้น ก็แล้วแต่เทคนิคใครเทคนิคมันค่ะ ไม่มีใครถูกใครผิดหรอกค่ะ เหมือนไข่เจียวบางคนให้ใส่น้ำ บางคนให้ใส่นม จบที่อร่อยเหมือนกันค่ะ

ฉายแสง
อันนี้เป็นนวัตกรรมใหม่ เข้าเมืองไทยมาก็ไม่นานเท่าไหร่ ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักด้วยซ้ำ ฟังดูคล้ายๆฉายแสงมะเร็ง แต่คนละอันนะคะ แสงอันนี้คือ Magenta light แปลตามชื่อก็คือแสงสีม่วง แล้วมันดียังไง มีการศึกษาว่าแสงความยาวคลื่นช่วงหนึ่่ง สามารถทำลายแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวได้ และมีผลทำให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง เวลาจะฉายก็ไปนอนอังหลอดไฟสีม่วงๆนี่แหละค่ะ ไม่เจ็บไม่ปวดแต่อย่างใด จะเห็นผลก็ต้องทำไปซักพัก แต่ที่เคยเห็นมาก็ยังต้องรักษาร่วมกับการใช้ยานะคะ ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่ในเมืองไทย

การป้องกันสิวเกิดใหม่
การรักษาที่ว่ายากแล้ว การป้องกันยากยิ่งกว่า เหมือนเวลาเห็นใครซักคน วัวหายแล้วล้อมคอก ความจริงเขาก็ไม่ได้ผิดอะไรนะคะ ทุกๆอย่างเราก็เรียนรู้จากประสบการณ์ทั้งนั้น เพียงแต่อย่างให้ผิดซ้ำๆก็แล้วกัน นอกเรื่องไปไกล กลับมาเรื่องการป้องกันสิว พูดแบบง่ายมากๆก็คือ "หลีกเลี่ยงสาเหตุของสิว"ไง พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะว่าสาเหตุสิวมีล้านแปด จะบรรยายยังไงก็ไม่หมด

แต่คิดง่ายๆ การเกิดสิวมีทางที่ทุกสาเหตุมาบรรจบกันคือ เกิดการอุดตันรูขุมขน แล้วก็เกิดการอักเสบ ดังนั้นก็ต้องป้องกันการ "อุดตันของสิว" ไง
- เริ่มด้วยการทำความสะอาด ให้ผิวหน้าสะอาดอย่างหมดจด วันละ 2 ครั้งก็พอ เรื่่องผลิตภัณฑ์อันนี้คงไม่มีกฎตายตัว ใช้ผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับสภาพผิวก็พอ ยังไงก็ต้องใช้วิธีลองผิดลองถูกอยู่ดี เพราะลางเนื้อชอบลางยาจริงๆนะเธอ ที่สำคัญถ้าแต่งหน้า หรือใช้ครีมกันแดด ก็ต้องล้างด้วยที่ล้างเครื่องสำอางค์ให้สะอาดก่อน
- ถ้าหน้ามัน อุดตันบ่อย และเป็นสิวง่าย ยาละลายหัวสิวไม่ควรหยุดใช้ แม้ว่ารักษาสิวหายแล้ว ควรใช้ต่อ เพื่อป้องกันสิว
- ดูแลและสังเกตผิวตัวเองอยู่เสมอ เริ่มมีสิวอุดตันรึเปล่า ตรงไหนบ้าง รีบกำจัดก่อนที่จะเกิดปัญหาลุกลาม

สรุปสุดท้ายที่อยากจะกล่าวคือ สิว ไม่มีทางหายขาด ไม่ว่าจะไปรักษากับเทวดาที่ไหนก็ตาม เพราะสิวเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าผิวของเราเกิดสิวได้ง่าย ก็คงต้องยอมรับว่าผิวของเราจำเป็นต้องได้รับการดูแลมากกว่าคนอื่น ก็ผิวของเรานี่ ถ้าเราไม่ดูแล ใครที่ไหนจะดูให้ จริงมั๊ย เพราะถ้าถามว่าสิวขึ้นที่ไหนกลุ้มใจน้อยสุด คำตอบก็คือ หน้าคนอื่นไง 555

แล้วพบกันใหม่ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คิดยังไง บอกหมอได้ค่ะ